บริการอื่นๆของเรา


สำหรับท่านที่ต้องการ หรือหาบริการ บริษัทออแกไนซ์
จัดออแกไนซ์ จัดอีเว้นท์ จัดบูธ งานอีเว้นท์
เลี้ยงโต๊ะ จีน โต๊ะจีน บุฟเฟ่
จัดพิธีสงฆ์ พิธีสงฆ์ งานแต่ง
เวทีเครื่องเสียง เช่า เครื่อง เสียง
ทางเราพร้อมให้บริการ บริการด้วยใจ ราคากันเอง
พร้อมประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี
การันตรี สาขาทั่วไทย
บริการของเรา
จัดออแกไนซ์
ออแกไนซ์จัด งาน
รับจัดงานออแกไน ซ์
ออแกไนซ์ จัด งานออกบูธ
ทําออแกไนซ์
รับจัดงาน อีเว้นท์
บริษัท อีเว้นท์
รับจัดอีเว้นท์
บริษัท จัดอีเว้นท์
รับจัดบูธงานอีเว้นท์
โต๊ะจีน ราคาถูก
โต๊ะจีน อร่อย
เลี้ยงโต๊ะ จีน
โต๊ะจีน บุฟเฟ่
โต๊ะจีน เลี้ยงพระ
รับจัด โต๊ะจีน
ร้านโต๊ะจีน
พิธีสงฆ์ งานแต่ง
จัดพิธีสงฆ์ ทำบุญขึ้นบ้านใหม่
จัดพิธีสงฆ์ งานมงคล
เช่า เครื่อง เสียง
เช่า เครื่อง เสียง งาน แต่ง
เช่า เวที เครื่อง เสียง
เวที เครื่อง เสียง กลางแจ้ง
เครื่อง เสียง เวที
เวที แสง สี เสียง

บริษัทออแกไนซ์

จัดอีเว้นท์

จัดพิธีสงฆ์

เวทีเครื่องเสียง

จัดโต๊ะจีน


จัดพิธีสงฆ์

เวทีเครื่องเสียง

จัดโต๊ะจีน

สอบถาม ปรึกษาฟรี
บริษัทออแกไนเซอร์ที่ดีต้องดำเนินกิจกรรมได้ตรงตาม “ความต้องการ” ของลูกค้า
บทบาทที่สำคัญของออร์กาไนเซอร์ที่ดี คือ ต้องสามารถดำเนินกิจกรรมให้สอดรับกับ “ความต้องการ” ของลูกค้าได้อย่างดี โดยต้องทำให้รู้สึกว่ามีประสบการณ์ร่วม เกิดความชอบ ที่สำคัญคือ “มีความเข้าใจตรงกัน”
สำคัญที่สุดคือ “สิ่งที่นำเสนอลูกค้า” ต้องลงมือทำได้อย่างเป็น “รูปธรรม” ตามสัญญาที่ตกลงไว้ หากเป็นแบบนี้ทุกฝ่ายก็จะมีแต่ความสุข
มีไอเดียหรือมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเยี่ยม
บริษัทออแกไนเซอร์ที่ดีต้องมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดและจัดงานออกมาได้อย่างดีเยี่ยม หากเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ผู้ร่วมงานก็จะยิ่งตื่นเต้นและตอบรับงานได้อย่างเต็มที่ หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้งานประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม
มีประสบการณ์ทำงานมาอย่างยาวนาน
บริษัทออแกไนเซอร์ที่ดีหากมีประสบการณ์ทำงานมานาน ผ่านผลงานที่ดีมามากมาย แบบนี้ก็อาจเป็นเครื่องรับประกันได้ว่าน่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง

กิจกรรมและโซลูชันการตลาดเชิงประสบการณ์
ที่นี่เข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและนำข้อความของคุณไปใช้ที่ลูกค้าของคุณ บริการครบวงจร “ครบวงจร” สำหรับการวางแผนการใช้งานและความต้องการในการดำเนินงานของแบรนด์ของคุณ ได้แก่ :
– กิจกรรมพิเศษและกิจกรรมสาธารณะ
– เปิดตัวกิจกรรม•โปรโมชันและการแสดง Road show
– งานแสดงสินค้าและงานแสดงสินค้า
– การประชุมสัมมนาและธุรกิจ
– แพคเกจการสนับสนุนแบบรวมและการขาย
โซลูชันภาพและเสียงเสียง





6 ขั้นตอน การจัดงานอีเว้นท์ อย่างมืออาชีพ
1. ตั้งเป้าหมายในการจัดงานเว้นท์ (Identify the objectives)
เมื่อเราได้รับหน้าที่ในการจัดงานอีเว้นท์สิ่งแรกที่ควรเริ่มต้นคือการระบุเป้าหมายในการจัดงานอีเว้นท์นั้นๆ เพื่อให้ทีมงานและผู้มีส่วนร่วมเข้าใจดำเนินการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เช่น การจัดงานเลี้ยงบริษัทประจำปี เป้าหมายคือการสร้างการรู้จักและความเข้าใจในการทำงานระหว่างแต่ละทีมในองค์กรเพื่อพัฒนาผลงานแต่ละทีมอย่างน้อย 20% ในปีต่อไป
2. วางแผนการ จัดงานอีเว้นท์ (Plan the event)
การวางแผนนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในเริ่มต้น การจัดงานอีเว้นท์ ดังนั้นการให้เวลาในการวางแผนจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างงานอีเว้นท์ที่ประสบความสำเร็จ โดยเริ่มจากนำเป้าหมายใน การจัดงานอีเว้นท์ ที่วางไว้มาดำเนินการต่อเพื่อแตกรายละเอียดงานเป็นส่วนเล็กๆและแบ่งงานให้คนในทีมรับผิดชอบ
หากเราต้องเราพัฒนาผลงานแต่ละทีมอย่างน้อย 20% ในปีต่อไป ผ่านการจัดงานเลี้ยงบริษัทประจำปี
การจัดกิจกรรม Townhall ในช่วงบ่ายเพื่อสรุปผลการดำเนินงาน ความสำเร็จและอุปสรรคในการทำงานของแต่ละทีม
การสร้างความเข้าใจในเป้าหมายและกลยุทธ์ในการดำเนินงานในปีต่อไปจากทีมผู้บริหาร
การจัดงานเลี้ยงรวมถึงกิจกรรมในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทีมภายในองค์กรในช่วงเย็น
3. กำหนดงบประมาณในการจัดงานอีเว้นท์ (Allocate the budget)
เมื่อเรามีวางแผนใน การจัดงานอีเว้นท์ แล้วส่วนต่อไปคือการจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการเพื่อแบ่งสัดส่วนให้เหมาะสมตามรายละเอียดต่างๆ และปรับงบประมาณให้กับรายการที่เราให้ความสำคัญที่สุด
4. การแบ่งงานและหน้าที่ความรับผิดชอบ การจัดงานอีเว้นท์ (Distribute the reponsibility)
เมื่อเรามีทั้งแผนงานในการจัดงานอีเว้นท์และงบประมาณแล้วขั้นตอนต่อไปคือการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจน กำหนดระยะเวลาในการทำงาน และกำหนดวันที่ต้องส่งงาน ในส่วนนี้เราแนะนำให้ใช้ Grant Chart ผ่าน Google Sheet, Asana, หรือ Trello เพื่อช่วยในการจัดการงานอย่างเป็นระบบรวมถึงการติดตามสถานะการทำงานจากผู้ที่รับผิดชอบ โดยกำหนดวันที่ในการส่งงานผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน
5. การดำเนินการภายในวันงานอีเว้นท์ (Deliver the work)
ก่อนเริ่มงานอีเว้นท์จะมีการจัดวาง (setup) อุปกรณ์ในส่วนต่างๆ ก่อนวันจัดงาน 1 วันหรือภายในวันงานในส่วนนี้ผู้ที่รับผิดชอบดูแลควรตรวจสอบรายละเอียดกับผู้ให้บริการให้ตรงตามที่ตกลงไว้รวมถึงความปลอยภัยของผู้ร่วมงาน
เมื่อเริ่มงานอีเว้นท์ผู้รับผิดชอบแต่ละฝ่ายให้รับผิดชอบหน้าที่ในการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ แต่จำเป็นต้องมีอย่างน้อย 1 ทีมในการประสานงานและแก้ไขสถานะการณ์ในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นโดยอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม เพื่อดำเนินงานไปได้อย่างลุล่วง
หลังจากเสร็จสิ้นจบงานอีเว้นท์ก็ถึงเวลาในการรื้อถอน (dismantle/tear down) ผู้ที่รับผิดชอบงานในส่วนต่างๆประสานงานให้ผู้ให้บริการรื้นถอดเสร็จสิ้นและดำเนินการคืนพื้นที่ให้กับสถานที่ในสภาพเดิม
6. การประเมินผลงานหลังจากการจัดงานอีเว้นท์ (Feedback the stakeholder)
ผู้จัดงานส่วนใหญ่มักจะละเลยการให้ความสำคัญในส่วนสุดท้ายของการจัดงานอีเว้นท์ซึ่งนั่นก็คือการประเมินผลงานของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบประสานงานภายในทีม สถานที่และผู้ให้บริการอีเว้นท์ ซึ่งส่วนสำคัญควรให้ข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงาน การให้บริการและการทำงานในครั้งต่อไป










5 ข้อควรรู้ในการจัดเลี้ยงอาหารโต๊ะจีน งานแต่งงานให้ถูกวิธี

1. อุปกรณ์การจัดโต๊ะอาหารโต๊ะจีนงานแต่ง 6 อย่างขาดไม่ได้
การจัดโต๊ะอาหารโต๊ะจีนนั้น ในเรื่องอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารจะต้องของทั้ง 6 อย่าง ได้แก่ 1. ตะเกียบ 1 คู่ต่อ 1ท่าน ซึ่งในงานมงคลจะใช้ตะเกียบลงรักษ์สวยงาม 2. ช้อน 3. ถ้วยน้ำแกง หรือถ้วยแบ่ง 4. จาน 5. แก้วน้ำใส ซึ่งในอดีตจะใช้เป็นแก้วชา หรือแก้วเหล้ากระเบื้อง 6. ถ้วยน้ำจิ้ม โดยชาวจีนได้ชื่อว่ามีจำนวนน้ำจิ้มมากกว่าชาติอื่นๆ เนื่องจากส่วนใหญ่อาหาร แต่ละชนิดจะมีน้ำจิ้มเฉพาะของแต่ละอย่าง

2. การจัดการนั่งทานอาหารโต๊ะจีนงานแต่งงาน
การจัดตำแหน่งการนั่งรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ควรจัดให้ผู้มีความอาวุโสสูงสุดนั่งหัวโต๊ะ โดยหันหน้าออกทางประตู แล้วผู้อาวุโสรองลงมาก็นั่งทัดลงมา ส่วนเด็กเล็กที่สุดควรจัดให้นั่งใกล้กาน้ำชา หรือกาเหล้า เพื่อเป็นผู้บริการเสิร์ฟน้ำให้แก่ผู้อาวุโสกว่า รวมถึงการให้เกียรติผู้อาวุโสในการเปิดอาหารก่อนเป็นคนแรกอีกด้วย อันนี้แล้วแต่กรณีนะคะ หากมีผู้อาวุโสในโต๊ะจีนนั้นก็จัดเรียงตามนี้
3. อาหารโต๊ะจีนงานแต่งต้องเป็นเลขคู่และมี 8 อย่างขึ้นไป
จำนวนอาหารในการจัดเลี้ยงในปัจจุบันคนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยนิยมเลี้ยงอาหารโต๊ะจีนงานแต่งจำนวน 10 อย่าง แต่จะไม่นิยมจัดอาหารเป็นจำนวนที่ลงด้วยเลข 4 อาทิเช่น 4 หรือ14 อย่าง เนื่องจาก เลข 4 ในภาษาจีนออกเสียงคล้ายคำว่า ซี่ ซึ่งหมายความว่า ‘ตาย’ เป็นคำอัปมงคล สำหรับการจัดโต๊ะอาหารโต๊ะจีนงานแต่งงานนั้น ในลำดับอาหารที่เสิร์ฟจะเริ่มตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย พวกออเดร์ฟเย็น อาหารจานร้อนจะต้องประกอบไปด้วยอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์บก, สัตว์ปีก, อาหารทะเล และผัก โดยจะมีอาหารจานหลักเป็นหูฉลาม ตามด้วยอาหารอิ่มท้อง เช่น ข้าวผัด และสุดท้ายล้างปากด้วย ของหวาน หรือ ผลไม้
4. การจัดโต๊ะอาหารโต๊ะจีนงานแต่งห้ามนั่งเป็นเลขคี่
คนจีนเชื่อว่าการนั่งเดี่ยว หรือนั่งเป็นจำนวนคี่เป็นเรื่องอัปมงคล จึงนิยมจัดให้นั่งเป็นจำนวนคู่ ซึ่งเป็นมงคล สมบูรณ์ เข้าคู่กัน ดูกลมกลืน และการนำโต๊ะกลมมาจัดเลี้ยง โดยเชื่อว่าทรงกลมหมายถึงความสมบูรณ์ เหมือนพระจันทร์ บ่งบอกถึงว่ากลมกลืน สามัคคี รวมถึงโต๊ะกลมสามารถนั่งได้จำนวนมากขึ้นจาก 8 - 12 คน อีกด้วย


5. อาหารมงคลบนโต๊ะจีน
การจัดโต๊ะจีนนั้น จะมีอาหารมงคลอยู่ 5 อย่าง ที่มาจากธาตุทั้ง 5 ธาตุ คือ ไฟ ทอง ไม้ น้ำ ดิน โดยจะเน้นสิ่งมีชีวิต คือ หมูนำไปย่างทั้งตัว , หูฉลาม , เป็ดยัดไส้เกาหลัด , ปลานึ่ง และหอยจ๊อ ซึ่งคนจีนถือว่าการบริโภคสิ่งที่ดีมีคุณภาพจะนำพาความเจริญให้แก่ฐานะค่ะ


11. ชุดเครื่องเช่นสำหรับพระพุทธ และพระภูมิเจ้าที่



ขั้นตอนในพิธีสงฆ์
ขั้นตอนการประกอบพิธีสงฆ์

1. นิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป สำหรับพุทธศาสนิกชนแล้ว การนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูปก็เพื่อความเป็นสิริมงคล ในอดีตนิยมนิมนต์พระสงฆ์จำนวนคู่ คือ 6 รูป 8 รูป หรือ 10 รูป เป็นต้น เพื่อกำหนดแบ่งให้ฝ่ายเจ้าบ่าว และฝ่ายเจ้าสาว เลือกนิมนต์พระสงฆ์ที่มีความรู้จักมักคุ้นกับตระกูลของตนฝ่ายละเท่า ๆ กัน แต่ปัจจุบันพิธีทำบุญงานมงคลทุกประเภทมักนิยมนิมนต์พระสงฆ์ไปเจริญพระพุทธมงคลจำนวน 9 รูป เนื่องจากถือกันว่าเลข 9 นั้น การออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่า “ก้าว” คือก้าวหน้า หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง
2. บ่าวสาวจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล และรับศีล 5 โดยลักษณะการนั่งจะจัดให้เจ้าบ่าวนั่งทางซ้ายมือของพระพุทธรูป ส่วนเจ้าสาวนั่งทางขวา
3. อาราธนาศีล รับศีล และอาราธนาพระปริตร ในส่วนนี้เป็นการกล่าวอาราธนาโดยมีผู้นำสวดโดยมากจะเป็นผู้ชำนาญที่มาพร้อมกับพระสงฆ์อยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นผู้กล่าวอาราธนาศีล รับศีล และอาราธนาพระปริตรให้กับบ่าวสาวและแขกที่มาร่วมงาน เมื่อรับศีลแล้ว จะเป็นการอาราธนาพระปริตร หมายถึงการขอให้พระสงฆ์เจริญสูตรที่มงคล เพื่อกำจัดทุกข์และโรคภัยไข้เจ็บ
4. พระสงฆ์เจริญสูตรคาถาอันเป็นมงคล พร้อมทำน้ำมนต์สำหรับใช้ในพิธี เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ไปจนถึงบทมงคลสูตร ผู้กล่าวนำจะจุดเทียนชนวนสำหรับให้บ่าวสาวจุดเทียนน้ำมนต์ เป็นการขอให้พระสงฆ์ทำน้ำพระพุทธมนต์ เป็นน้ำมนต์ที่เกิดจากการสวดพระปริตร ซึ่งถือว่าเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ใช้ในกาลมงคลต่อ ๆ ไป
5. ตักบาตร หรือถวายสังฆทานแล้วตามด้วยถวายภัตตาหารเพล หลังจากเสร็จสิ้นการทำน้ำมนต์แล้ว พิธีหลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลา หากเป็นเวลาเช้าบ่าวสาวก็จะตักบาตรโดยใช้ทัพพีและใช้ขันใส่ข้าวใบเดียวกัน หรือหากเป็นช่วงสายก็จะเปลี่ยนเป็นการถวายสังฆทานแล้วตามด้วยการถวายภัตตาหารเพลแทน
6. พระสงฆ์อนุโมทนา เมื่อเสร็จสิ้นการตักบาตรหรือถวายภัตตาหารแล้ว พระสงฆ์ก็จะขึ้นบทสวดอนุโมทนา โดยระหว่างนี้บ่าวสาวจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้กับเทพยดา เจ้ากรรมนายเวร และบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
7. พระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เป็นขั้นสุดท้ายสำหรับพิธีสงฆ์ โดยพระสงฆ์จะเจริญชัยมงคลคาถา พร้อมประพรมน้ำมนต์ให้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวและแขกที่มาร่วมงาน


อุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีสงฆ์
1. ชุดโต๊ะหมู่บูชา
2. ดอกไม้ ธูป เทียน เชิงเทียน และกระถางธูป
3. อาสานะหรือที่รองนั่งสำหรับพระสงฆ์
4. พระพุทธรูปประธาน
5. สายสิญจน์ และสายสิญจน์ที่ทำเป็นมงคลคู่ หรือมงคลแฝด
6. บาตรหรือขันใส่น้ำมนต์
7. ที่กรวดน้ำ
8. อุปกรณ์เครื่องเจิม หรือแป้งสำหรับเจิม
9. ปัจจัย หรือเครื่องไทยธรรม
10. อาหารสำหรับตักบาตร ขันข้าว ทัพพี หรือภัตตาหารสำหรับถวายพระสงฆ์


วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับระบบเสียงกลางแจ้งกันครับว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงชุดใดก็แล้วแต่ ที่เราได้ยินได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นชุดเครื่องเสียงขนาดเล็กๆ ตามชุมชน งานวัด หนังกลางแปลง ลิเก คาราโอเกะ งานดนตรี
งานประชาสัมพันธ์ หรืองานดนตรีระดับคอนเสิร์ต ก็จะมี 3 ส่วนประกอบหลักๆดังต่อไปนี้
-ภาคอินพุท
-ภาคประมวลผลหรือโปรเซสเซอร์
-ภาคเอ้าท์พุท

1. ภาคอินพุท
ไมโครโฟน
เครื่องเล่น cd dvd
เครื่องดนตรี
เครื่องดนตรี
ภาคอินพุทประกอบด้วยอะไรบ้าง อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นแหล่งกำเนิดเสีง เช่น ไมโครโฟน โทรศัพท์สมาร์ทโฟน เครื่องเล่น เทป ซีดี ดีวีดี และคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค หรือเครื่องดนตรีต่างๆ ก็จัดว่าเป็นภาคอินพุททั้งนั้น
2. ภาคประมวลผลหรือโปรเซสเซอร์
มิกเซอร์
อีคิว
ระบบเสียงกลางแจ้ง
ภาคประมวลผลหรือโปรเซสเซอร์ เครื่องเสียงขนาดใหญ่หรือเล็กก็ต้องมีภาคประมวลผลทั้งนั้น อะไรคือภาคประมวลผล เรามาดูและติดตามกันเลยครับ ภาคที่ 2 ภาคประมวลผลนี้ประกอบไปด้วย ปรีปรับเสียง มิกเซอร์ อีคิว คอมเพรสเซอ ลิมิเตอร์ เกท เครื่องจำลองเสียงเอฟเฟค (เอฟเฟค) นอกจากนี้ยังมีพวก คอนโทรลเลอร์และ แอคทีฟครอสโอเวอร์ โปรเซสเซอร์ อุปกรณ์ปรับเสียงอื่นๆ ก็จัดอยู่ในโหมดประมวลผลหรือโปรเซสเซอร์ เช่นกัน
3. ภาคเอ้าท์พุท
ขนาดดอกลำโพง และกำลังขับของแอมป์
ระบบเสียงกลางแจ้ง
ภาคเอ้าท์พุท ภาคสุดท้ายของระบบเสียง ประกอบด้วยอะไรบ้าง สายลำโพง เครื่องขยายเสียง และลำโพง
นี่ก็คือส่วนประกอบหลักๆของระบบเสียงซึ่งมีอยู่ 3 ภาคส่วนที่กล่าวมาข้างต้น สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความ เครื่องเสียงเบื้องต้น
เรียนรู้และรู้จัก เครื่องเสียงเบื้องต้น เครื่องเสียง หมายถึง อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ขยายสัญญาณเสียง หรือเกี่ยวข้องกับ...
เรียนรู้และรู้จัก “เครื่องเสียงเบื้องต้น”


เทคนิคไม่ลับสำหรับชาวเครื่องเสียงกลางแจ้ง
ภาคอินพุท ภาคที่ 1 มีความสำคัญอย่างไรกับระบบเสียงกลางแจ้ง “ปรับเป็นก็เกิด ไม่เข้าใจระดับสัญญาณที่เข้ามาหรือปรับไม่เป็นก็ดับได้”
ระบบเสียงกลางแจ้ง
เราชาวเครื่องเสียงกลางแจ้งต้องรู้เบื้องต้น กับแหล่งกำเหนิดเสียงแต่ละอย่างมีความแรงของสัญญาณระดับใด เพื่ออะไรครับ ก็เพื่อที่จะปรับเกนอินพุทของมิกเซอร์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้สัญญาณแมชชิ่ง และบาลานซ์ ไม่ให้เกิดเสียงแตกพร่ามัว หรือ เสียงไม่อิ่มและไม่ชัดเจน หรืออาการไมค์หอนเกิดขึ้น ในระบบของเรา เรามาดูว่า ไมโครโฟน,ซีดี,เครื่องดนตรีควรปรับเกนอินพุทระดับเท่าใดกันบ้าง
รู้ไว้ใส่ใจก็ไปได้สวย
1. เริ่มจากอุปกรณ์ที่แทบจะไม่ต้องเปิดเกนเพราะสัญญาณค่อนข้างแรงอยู่แล้ว หรือถ้าจะเร่งเกนอินพุทที่มิกเซอร์ ไม่เกิน + 20 dB ซึ่งได้แก่เช่น เครื่องเล่น ซีดี ดีวีดี สมาร์ทโฟน (เร่งมากไปเสียงแตกพร่ามัวได้)
เครื่องเล่น cd dvd
2. ซอร์ทเสียงที่ควรปรับระดับสัญญาณขึ้นมากกว่า +20 dB มีจำพวก อินสตรูเม้นท์ หรือเครื่องดนตรี เช่น เปียโน คีบอร์ด กีต้าร์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ
เครื่องดนตรี
3. ซอร์ทเสียงที่ควรปรับเกนอินพุทของมิกเซอร์ให้มากกว่า 2 ข้อแรกก็คือ ไมโครโฟน ซึ่งไมโครโฟนมีอัตราขยายสัญญาณเสียงที่ต่ำแค่มิลลิโวลท์ ฉะนั้น เราจึงควรเพิ่มเกนอินพุทที่เหมาะสม เช่น +30 dB (ช่วงเที่ยงๆขึ้นไป ในกรณีพูดใกล้ไมค์ ในกรณีพูดไกลหรือห่างจากไมโครโฟน ก็ควรปรับเกนอินพุทเพิ่ม เช่น +40,50 dB (ช่วงบ่ายๆ)เป็นต้น





